วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เหตุที่พญานาคปรากฏตัวบ่อยในยุคนี้

เหตุที่พญานาคปรากฏตัวบ่อยในยุคนี้


      สาเหตุที่พญานาคมาปรากฏตัวในหลายจังหวัดหลายพื้นที่ในยุคนี้หลวงพ่ออธิบาย ให้ผู้เขียนฟังว่า   พญานาคเป็นสัตว์อาศัยอยู่ใต้บาดาลใต้แม่น้ำ   เมื่อพญานาคลอยตัวขึ้นมาเหนือน้ำในยุคสมัยใด   แสดงว่าจะเกิดอาเพทเกิดเรื่องไม่ดี   แสดงให้เห็นว่าบ้านเมืองและโลกเรานี้กำลังเกิดกลียุค    เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองหลวงจะเกิดการปั่นป่วนวุ่นวาย  นี่ธรรมชาติแสดงให้เรารู้เหมือนที่โบราณว่าเราเดินไปเจองู    หรืองูสิงห์เข้าบ้านงูเห่าเข้าบ้านเป็นอุบาทว์อุบาทว์เป็นภาษาโบราณเป็นลางบอกเหตุ  เมื่อปีสองปีที่ผ่านมาบ้านเมืองเกิดความวุ่นวายที่กรุงเทพตอนนั้นปรากฏว่ามีพญานาคเกิดขึ้นที่มุกดาหารผู้เขียนเกิดความสงสัยขึ้นมาได้ กราบเรียนถามหลวงพ่อว่าแล้วที่คนพากันไปดูบั้งไฟพญานาคหรือไปดูพญานาคที่โผล่ขึ้นมาจากน้ำเป็น อัปมงคลไหม    เพราะตามความคิดของเราที่เป็นคนสมัยใหม่คิดว่าเป็นสิริมงคล ที่พญานาคซึ่งเป็นสัตว์ที่เราถือว่าเป็นสัตว์มงคลโผล่ขึ้นมาให้พวกเราได้ชม บารมีกันหลวงพ่อบอกว่าคนที่ไปดูก็เป็นอัปมงคล    อย่างเช่นเราเป็นมนุษย์ธรรมดาเกิดไปเห็นวิญญาณคนที่ตายไปแล้วก็อุบาทว์   ทำให้เราแพ้ทำให้เราไม่สบาย ไม่ใช่เรื่องดี อยู่ดีๆ คนธรรมดินไปเจอวิญญาณคนที่ตายไปแล้วเดินไปเดินมาไม่กี่วันเราก็ต้องเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นโน่นเป็นนี่โดยไม่มีสาเหตุบางคนถึงตายไปก็มี สิ่งเหล่านี้เป็นอุบาทว์เป็นอัปมงคลแต่พญานาคก็นับถือพุทธศาสนาศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเมืองบาดาลเป็นสวรรค์ชั้นล่างผู้ที่เกิดเป็นพญานาคก็ไถ่กรรมมาเรื่อยๆการเกิดเป็นพญานาคก็ใกล้จะได้เกิดเป็นมนุษย์แล้วคือพร้อมที่จะเกิดเป็นมนุษย์ได้พญานาคถ้าเขาลงไปในน้ำเขาจะเป็นงูพอเขาขึ้นมาบนบกเขาก็กลายเป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนพวกเรานี่แหละแต่ถ้าพญานาคไปปรากฏตัวที่ไหนไปเหยียบพื้นดินให้เป็นรอยถ้าเราเห็นรอยใหญ่ขนาดเท่าศอก เราต้องสังเกตุว่าเป็นรอยมนุษย์หรือรอยสัตว์อะไร  เราต้องดูต้องสังเกต  ถ้าเห็นรอยใหญ่ยาว   ฝ่าเท้าใหญ่แหลมมี ๔ นิ้ว   ไม่ใช่ ๕ นิ้ว   พญานาคมี ๔ นิ้ว   อีกนิ้วหนึ่งจะอยู่สูงขึ้นไปเหมือนเดือยไก่    มังกร ๕ เล็บ เวลาเขาเหยียบลงไปที่พื้นดินจะปรากฏเพียง ๔ นิ้ว    อีกนิ้วหนึ่งอยู่ข้างบนนั่นคือสัตว์เดรัจฉาน    เป็นรอยของพญานาครอยของมังกร เกล็ดพญานาคศรีสุทโธหลวงพ่อเก็บไว้บนศาลาฯ   คราบพญานาคศรีสุทโธที่หลวงพ่อได้มาเป็นคราบสะดือตอนเด็กของพญานาคศรีสุ ทโธ พญานาคเขาจะมีการเสี่ยงทายกันตอนอายุได้หนึ่งเดือนว่าลูกใครจะได้พญาเป็น กษัตริย์ของพญานาคถ้าพญานาคตนนั้นไม่กินคราบสะดือของตนเองพญานาคตนนั้นจะได้เป็นพญาได้เป็น กษัตริย์พญาศรีสุทโธไม่กินคราบสะดือของตัวเองจึงได้เป็นพญา พญานาคจะเก็บคราบสะดือไว้    หลวงพ่อได้มาเพราะพญาศรีสุทโธนาคราชนำมาถวายเป็นพุทธบูชา ลูกแก้วพญานาคก็เหมือนกันพญานาคศรีสุทโธก็น้ำมาถวายเป็นเครื่องสักการบูชา แด่พระพุทธองค์ โดยพญาศรีสุทโธนาคราชได้ปรารภไว้ว่าเมื่อพระพุทธองค์ปรากฏขึ้นที่ใดข้าพระพุทธเจ้าจะไปปรากฏที่นั่นเป็นนาม  พระพุทธองค์ก็ประทานให้เมื่อพระพุทธองค์มาปรากฏที่วัดภูพลานสูงท่านจึงได้นำ ลูกแก้วพญานาคมาถวายเป็นพุทธบูชา เมื่อข้อพระหัตถ์เบื้องขวา พระสรีรังคารมาปรากฏขึ้น พญานาคก็มาปรากฏโดยนำของมาถวายเป็นนามของพญานาคที่ปรากฏ ลูกแก้วเหล่านี้ไม่ใช่เอามาแจกกันเล่นๆ เมื่อหลวงพ่อได้มาหลวงพ่อก็มีของแลกเปลี่ยนกับเขา    หลวงพ่อให้เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อ    รูปหลวงปู่โมคคัลลานะกับผ้าขาว ๑ ผืนเอาไปแลกเปลี่ยนเพื่อไม่ห้เกิดเป็นอัปมงคล เขาให้เราเราไม่ให้เขาก็ได้แต่หลวงพ่อก็ให้เขา เขาก็นำไปไว้ที่เมืองบาดาล    พญานาคที่เมืองบาดาลต่างก็มากราบสักการบูชาของของมนุษย์ มันก็เกิดเป็นมงคลต้องแลกเปลี่ยนกัน    ไม่ใช่ขอๆ เอาไปโดยไม่มีอะไรแลกเปลี่ยนไม่ได้    มันเกิดเป็นอัปมงคลเกิดความวิบัติเราต้องรู้และเข้าใจในการแก้ปัญหาเรื่องแก้วพญานาคในยุคนี้พญานาคเรืองอำนาจเมื่อพญานาคมาเกิดแก้วพญานาคก็มาเกิด    เหมือนพระบรมสารีริกธาตุเสด็จก็เป็นพระบรมสารีริกธาตุจะเป็นอย่างอื่นไม่ได้   นี่คือพระบรมสารีริกธาตุจะเป็นของปลอมได้อย่างไร    ก็เรียกว่าพระบรมสารีริกธาตุแล้วว่าจะเป็นของปลอมได้อย่างไร  เมื่อได้มาแล้วเอาไปบูชาเอาไปสวดมนต์ถวาย    พระพุทธองค์ก็ประทานให้   สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับการเคารพการเชิดชูบูชาไม่ใช่ว่าเราเอาไปทำสุรุ่ย สุร่ายทำเป็นเครื่องรางของขลังไม่ใช่อย่างนั้นเราต้องทำถวายเป็นพุทธบูชา   นำมาเชิดชูบูชาสวดมนต์ถวายปฏิบัติถวาย    บารมีพระพุทธองค์ก็จะมาปกปักษ์รักษาเรา   เราสวดมนต์เท่ากับเรารักษคำสอนของพระพุทธองค์    เมื่อเราสวดมนต์เราก็จะมีความสุขเป็นบุญ    นั่นคือพระพุทธองค์ทรงดูแลรักษาเราที่เราช่วยกันสืบต่ออายุพระศาสนาด้วยการประพฤติปฏิบัติธรรมตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ การที่เราจะเห็นพญานาคหรือวิญญาณเราต้องเห็นด้วยญาณด้วยจิตไม่ใช่คิดว่าเขามาขอส่วนบุญ ที่เราเห็นมันเป็นเคราะห์เป็นโชคร้ายของเราอยู่ดีๆ ไปเจอพญานาคก็เป็นเคราะห์ของคนนั้น   คนไม่เคยเห็นก็คิดว่าเป็นบุญของตัวที่ได้เห็น    คิดดูดีๆ สิ่งที่มันเคยอยู่ใต้น้ำใต้บาดาลแล้วอยู่ๆ    มันลอยตัวขึ้นมาเหนือน้ำได้อย่างไร    มาปรากฏตนให้คนเห็นด้วยตาเปล่า    สิ่งเหล่านี้เกิดจากธรรมชาติบอกเหตุจึงเป็นอุบาทว์  ถ้าเราเห็นมันก็เป็นอุบาทว์    ทางภาคอีสานเขาต้องนิมนต์พระมาเจริญพระพุทธมนต์ทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศล เพื่อลบล้างสิ่งที่เป็นอัปมงคล เมื่อเราไปดูแล้วกลับมาเราก็ต้องทำบุญอุทิศส่วนกุศล    เหมือนเราอยู่บ้านวันดีคืนดีมีงูเข้ามานอนอยู่ในบ้าน    เราก็ต้องไปนิมนต์พระมาเจริญพระพุทธมนต์เพื่อให้เป็นมงคลอย่าคิดว่าเป็นสิ่งดีเป็นสิริมงคล    มันเป็นอุบาทว์เป็นเคราะห์ไม่ดีเป็นลางบอกเหตุ    ชาวบ้านทั่วไปเอาไม้หยุงมาทำบ้านไม่ใช่เรื่องดีคนไหนเอาไม้พยุงมาทำบ้าน ทำโต๊ะ ทำเสา ชื่อมันดีพยุงเป็นมงคล แต่มันไม่เป็นมงคลมันแพ้กัน    ไม้สักยังแรงไม่เท่าไม้พยุง    คนที่ตัดไม้พยุงไปขายก็โดนจับเหมือนกัน คนที่เอาไม้พยุงมาทำบ้าน พ่อก็ตาย แม่ก็ตาย อยู่ไม่ได้ต้องทิ้งเป็นบ้านร้างสุดท้ายก็ต้องรื้อมาถวายวัด    พระก็โดนเหมือนกันแพ้หมดพระที่วัดหลวงพ่อเอาไม้หยุงที่เขาตัดทิ้งมาทำเสา กุฏิ  ป่วยหัวปักหัวปำ หลวงพ่อเอ๊ะใจเห็นพระองค์นี้ป่วย   ตัวดำผอม   ก็เดินไปดูที่กุฏิ   ถามพระว่านี่ไม้อะไร   พระบอกว่าไม้พยุงเห็นมันกองทิ้งอยู่แถวนี้เลยเก็บเอามาทำเสากุฏิ   หลวงพ่อเลยให้รื้อออก    พอเอาออกก็หายจากไม่สบายก็แข็งแรงขึ้นฉะนั้นเวลาเราปลูกบ้านบางครั้งรากไม้ ประดู่บ้างรากขามบ้างรากไม้พยุง   มันสอดเข้ามาอยู่ใต้ถุนบ้านอยู่ไม่ได้    เจ็บไข้ได้ป่วยกันตลอดหาสาเหตุไม่พบถ้าเล็กๆ ไม่เป็นไร    แต่ถ้านำมาเป็นสิ่งของใหญ่ๆ ไม่ดีอันตราย ครั้งหนึ่งหลวงพ่อให้พระองค์หนึ่งไปดูแลหลวงพ่อพระโตโคตะมะ   พระองค์นั้นไปปลูกกุฏิอยู่ที่หลังหลวงพ่อพระโตโคตะมะ    ท่านบอกว่าเวลาญาติโยมไปหามันสะดวก    หลวงพ่อทักว่ามันไม่ดี    อยู่ใกล้ของใหญ่มันไม่ดี    อยู่ได้พรรษาเดียวก็ไม่สบายล้มลุกคลุกคลาน    เดินถอยหน้าถอยหลัง    ไปหาหมอก็ไม่พบสาเหตุ    หลวงพ่อเลยบอกให้ท่านย้ายกุฏิ    ไปให้ห่างจากหลวงพ่อพระโตโคตะมะ   ท่านก็ย้ายออกไปได้ ๓ วันก็หายเป็นปกติ    ของใหญ่ๆมาอยู่ใกล้ๆ  เวลาแดดออกเงาพระใหญ่ก็มาพาดกุฏิไปทับแค่เงาเท่านั้นก็ยังแพ้    อันนี้ก็เหมือนกันที่หนองดง   ที่วัดพระนางคำล่มสลาย    มีแม่ชีแม่ขาวจะไปอยู่ก็อยู่ไม่ได้หลวงพ่อบอกว่าอย่าไปอยู่เลยตรงนั้นไม่ดีเป็นดินแดนที่ถูกสาป    เขาก็จะไปเอาหมอเอาพระมาสวดเพื่อเอาแก้วพญานาค    เอาสมบัติต่างๆ ขึ้นมา มันก็ดีอยู่ แต่สิ่งของเหล่านี้มันถูกสาปอยู่    เราเอาไปไว้มันก็ถูกสาปมันจะเป็นมงคลได้อย่างไร   พวกชาวบ้านเอาเรื่องที่หลวงพ่อบอกไปเล่าให้เพื่อนๆ ฟังเขาก็ว่ามันเป็นอดีตไปแล้ว    เคยไปอยู่ตั้ง๓-๔ เดือน   ไม่เห็นเป็นอะไร    หลวงพ่อเพียงแต่เล่าให้เขาฟังว่ามันมีอะไรอยู่   ความเป็นมาเป็นไปอย่างนั้นไม่ได้ห้ามหลวงพ่อหวังดี เพื่อนๆ เขาโกรธไม่พอใจหลวงพ่ออย่างรุนแรงที่ไปพูดจาอย่างนั้น    แต่หลวงพ่อหวังดีหลวงพ่อก็ให้เขาไปอยู่    เกิดเรื่องขึ้นมาเขาจะได้เชื่อ คนเราไม่รู้ก็ไม่เชื่อ    แต่เวลาเกิดเหตุขึ้นมาถึงยอมเชื่อ    มันก็สายเกินแก้ โบราณเราเขาละเอียดลออ    เป็นคติสอนใจเป็นคำเตือน    ปัจจุบันเหตุการณ์ต่างๆ สภาพแวดล้อมมันทันสมัยเวลาประสบเคราะห์กรรมขึ้นมาแล้ว    ตอนทำไม่กลัว    ตอนประสบเคราะห์กรรมรื้อบ้านทั้งหลังนั่นแหละตำนานมันเป็นอย่างนี้   บางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นให้เราเห็นมันไม่ดี   เช่น    พญานาคอยู่ใต้บาดาลอยู่ๆ ลอยขึ้นมาเหนือแม่น้ำใหญ่    ลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ    นั่นแสดงว่าเป็นลางบอกเหตุ แสดงว่าเมืองหลวงนั่นจะเกิดภัยพิบัติ    เกิดความวุ่นวายระส่ำระสาย    ธรรมชาติแสดงให้พวกเราชาวโลกได้รับรู้    แต่คนเรากลับคิดว่าเป็นโชคเป็นมงคลสำหรับพวกเราที่เกิดมาได้พบเห็นพญานาค    เขาก็ได้เห็นจริงเห็นความวุ่นวายเกิดขึ้น    แม้แต่พระจันทร์ทรงกลดพระอาทิตย์ทรงกลดเหล่านี้มีผลกระทบต่อชาวโลกเหมือนกันสุริยคราสจันทราคราสก็มีผลกระทบต่อชาวโลกเหมือนกันจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็มี อยู่ในตำนาน    นักวิทยาศาสตร์ไม่เชื่อ    เขาศึกษาตามทฤษฏีตามเหตุตามผล สิ่งเหล่านี้ถือเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งทางโหราศาสตร์   ถ้าเราจะพิสูจน์อะไรเราก็ตามต้องไปศึกษาเรื่องเหล่านั้น    จะเอาวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ไสยศาสตร์มันคนละศาสตร์กันกลายเป็นเรื่องปัญหาโลกแตก   เราสงสัยศาสตร์ไหนก็ต้องไปศึกษาศาสตร์นั้น    เราสงสัยพุทธศาสตร์เราก็ต้องมาศึกษาพุทธศาสตร์    ไม่ใช่เอาวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์พุทธศาสตร์หรือไสยศาสตร์    มันพิสูจน์ไม่ได้มันคนละศาสตร์กัน    จะเอาวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์พระบรมสารีริกธาตุมันจะพิสูจน์ตรงไหนได้ ถ้าเราอยากรู้อยากเข้าใจเราต้องมาศึกษาข้อมูลต่างๆ    ในเรื่องเหล่านี้   เมื่อเรายอมรับได้เราก็เกิดศรัทธา    เกิดความเชื่อมั่นว่าสิ่งเหล่านี้มีจริงมันเป็นเรื่องอจินไตยก็จริงแต่เมื่อเราศึกษาเข้าใจแล้วเกิดศรัทธาว่าเป็นเรื่องจริงมีอยู่จริง    เหมือนเหล็กไหลเราก็ต้องศึกษามันเป็นศาสตร์    ศาสตร์แต่ละศาสตร์ไม่ใช่ว่าเราศึกษาศาสตร์เดียวแล้วจะรู้รอบ    เราจะต้องศึกษาและยอมรับศาสตร์แต่ละศาสตร์    คำว่าไสยศาสตร์คือสิ่งเร้นลับไสยศาสตร์เกิดมาตั้งแต่ปรโลกแล้วไม่ใช่เพิ่งมา เกิดวันสองวันนี้    ยุคสมัยนี้จิตใจมนุษย์มันเสื่อม    ของเดิมมันมีอยู่แล้วเราพัฒนาไม่ทัน    สิ่งที่ไม่มีตัวตนสิ่งที่มองไม่เห็น   สิ่งศักดิ์สิทธิ์    เช่น เหรียญนี้ขลัง    เรามองเห็นหรือขลังเพราะอะไร     พระสมเด็จที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นเพราะอะไร    นั่นแหละสิ่งที่เรามองไม่เห็นไม่รู้มันก็เป็นไสยศาสตร์    สิ่งที่มองไม่เห็นตัวเป็นไสยศาสตร์แม้แต่เขาเสกของเข้าท้องเรา    เราไปเอ็กซ์เรย์ดูก็ยังไม่เห็น    เรื่องไสยศาสตร์วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถเข้าถึงได้ตรงนั้น    เราพัฒนายังไม่ใกล้เคียงกับเขาเลย   ไสยศาสตร์มีมาตั้งกี่พันล้านปี    เราจะไปพัฒนาทันได้อย่างไร    ไปไม่ถึงหรอก    มนุษย์เราทุกวันนี้ศึกษาสิ่งแวดล้อมได้แค่หยิบมือเดียว    มนุษย์เราศึกษาอวัยวะมือเราแค่มือเดียวก็เขียนเป็นตำราเป็นหนังสือได้เป็น กอบกำ    ยังเอาความรู้นั้นมาขายเป็นสิบยี่สิบล้าน    มันไม่ใช่เรื่องธรรมดา   เราต้องศึกษาค้นคว้าทำความเข้าใจในเรื่องต่างๆให้ชัดเจนเข้าถึงเรื่องนั้นๆ ให้ถ่องแท้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น