เราสวดบทชุมนุมเทวดากันไปแล้ว เมื่อเชิญเทวดามาร่วมพิธี
พอเสร็จพิธีก็ต้องส่งเทวดากลับสวรรค์ บทสวดมีดังนี้
ทุกขัปปัตตา จะ นิททุกขา ภะยัปปัตตา จะ นิพภะยา
โสกัปปัตตา จะ นิสโสกา โหนตุ สัพเพปิ ปาณิโน
เอตตา วะตา จะ อัมเหหิ สัมภะตัง ปุญญะ สัมปะทัง
สัพเพ เทวา นุโมทันตุ สัพพะ สัมปัตติ สิทธิยา
ทานัง ทะทันตุ สัทธายะ สีลัง รักขันตุ สัพพะทา
ภาวะนา ภิระตา โหนตุ คัจฉันตุ เทวะตา คะตา
สัพเพ พุทธา พะลัป ปัตตา ปัจเจ กานัญ จะ ยัง พะลัง
อะระหันตา นัญ จะ เตเชนะ รักขัง พันธามิ สัพพะโส
โสกัปปัตตา จะ นิสโสกา โหนตุ สัพเพปิ ปาณิโน
เอตตา วะตา จะ อัมเหหิ สัมภะตัง ปุญญะ สัมปะทัง
สัพเพ เทวา นุโมทันตุ สัพพะ สัมปัตติ สิทธิยา
ทานัง ทะทันตุ สัทธายะ สีลัง รักขันตุ สัพพะทา
ภาวะนา ภิระตา โหนตุ คัจฉันตุ เทวะตา คะตา
สัพเพ พุทธา พะลัป ปัตตา ปัจเจ กานัญ จะ ยัง พะลัง
อะระหันตา นัญ จะ เตเชนะ รักขัง พันธามิ สัพพะโส
คำแปล
ขอสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ประสบทุกข์ จงพ้นจากทุกข์ ที่ประสบภัย จงพ้นจากภัย ที่ประสบกับความโศก จงพ้นจากความโศกเสียเถิด และขอเหล่าเทวดาทั้งปวง จงได้อนุโมทนาซึ่งบุญสมบัติ อันข้าพเจ้าทั้งหลายได้สร้างสมไว้แล้ว เพื่อความสำเร็จ แห่งสมบัติทั้งปวงเถิด
มนุษย์ทั้งหลายจงให้ทานด้วยใจศรัทธา จงรักษาศีล และยินดียิ่งในการภาวนาตลอดกาลทุกเมื่อ เทวดาทั้งหลาย ที่มาชุมนุมแล้วขอเชิญกลับเถิด
พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ล้วนทรงพระกำลังทั้งหมด กำลังใดแห่งพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย และกำลังแห่งพระอรหันต์ทั้งหลายมีอยู่ ข้าพเจ้าขอผูกรักษา ด้วยเดชแห่งกำลังนั้นโดยประการทั้งปวง
มนุษย์ทั้งหลายจงให้ทานด้วยใจศรัทธา จงรักษาศีล และยินดียิ่งในการภาวนาตลอดกาลทุกเมื่อ เทวดาทั้งหลาย ที่มาชุมนุมแล้วขอเชิญกลับเถิด
พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ล้วนทรงพระกำลังทั้งหมด กำลังใดแห่งพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย และกำลังแห่งพระอรหันต์ทั้งหลายมีอยู่ ข้าพเจ้าขอผูกรักษา ด้วยเดชแห่งกำลังนั้นโดยประการทั้งปวง
ความเป็นมา
เทวะตาอุยโยชะนะคาถา คือคาถาส่งเทวดา ซึ่งคาถานี้กล่าวถึงการแผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์ แล้วอัญเชิญเทวดาให้อนุโมทนาบุญและกลับไปสู่นิเวศน์ของตน รวมทั้งผูกมนต์คุ้มครองด้วยอานุภาพของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์ ท่านอาจารย์ธัมมานันทามหาเถระสันนิษฐานว่า คาถานี้คงรจนาโดยพระเถระชาวสิงหลในสมัยก่อน ถือว่าเป็นบทสวดส่งเทวดาที่ได้อัญเชิญมาร่วมในงานมงคล ร่วมฟังสวด ร่วมรับสิ่งที่เป็นมงคลให้กลับวิมานไปด้วย ที่ต้องสวดส่งนั้นเพราะ แรกสวดมนต์ได้กล่าวอัญเชิญชุมนุมเทวดาไว้ ครั้นเสร็จพิธีแล้วจึงเชิญกลับตามธรรมเนียมด้วยคาถาบทนี้ ดังนั้น คาถาบทนี้จึงเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และในตอนท้ายเป็นการสวดเพื่อให้อานุภาพของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทั้งหมด ได้ปกป้องคุ้มครอง รักษาให้แคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง
บทสวดเทวะตาอุยโยชะนะคาถานี้ มีคำสวดขึ้นต้นว่า “ ทุกขัปปัตตา จะ นิททุกขา ภะยัปปัตตา จะ นิพภะยา ฯลฯ รักขัง พันธามิ สัพพะโส “ คาถานี้ยังไม่ได้พบที่มาจากพระสูตร มีผู้สันนิษฐานว่าเป็นคาถาแผ่กรุณาพรหมวิหารและให้ส่วนกุศล พร้อมกับตักเตือนมนุษย์ทั้งหลายให้ประกอบการกุศล
บทสวดเทวะตาอุยโยชะนะคาถานี้ มีคำสวดขึ้นต้นว่า “ ทุกขัปปัตตา จะ นิททุกขา ภะยัปปัตตา จะ นิพภะยา ฯลฯ รักขัง พันธามิ สัพพะโส “ คาถานี้ยังไม่ได้พบที่มาจากพระสูตร มีผู้สันนิษฐานว่าเป็นคาถาแผ่กรุณาพรหมวิหารและให้ส่วนกุศล พร้อมกับตักเตือนมนุษย์ทั้งหลายให้ประกอบการกุศล
ธรรมปริทรรศน์
คาถาเป็นเครื่องผูก หรือครั้งโบราณเรียกว่าเวทย์มนต์คาถา ซึ่งพระผู้ทรงอายุ ทรงฤทธิ์ คงเดช ล้วนเป็นผู้มีความชำนาญจากการใช้เวทย์มนต์คาถา บำบัดทุกข์บำรุงสุข ให้ขวัญและกำลังใจ แม้ครั้งใดมีภัยต่อมนุษย์ หรือภัยต่อแผ่นดิน พระสงฆ์ผู้ทรงคุณานุภาพฌานสมาบัติก็จักมีสัมมาปฏิบัติออกมาอนุเคราะห์ดูแลให้กองทัพมีกำลังด้วยเวทย์มนต์คาถานั้น หรือคราวใดมีอาเพศเหตุร้าย โรคภัยรุนแรงเหมือนห่าลงเมือง บทแห่งคาถาที่เล่าเรียนสืบทอดกันมาก็จะแสดงภูมิอันเป็นอิทธิปาฏิหาริย์ให้ปรากฏ
การนำหมู่แห่งคาถาที่เรียงร้อยเป็นผูกเป็นมัดจัดไว้ในคัมภีร์ใบลาน จารด้วยมือของผู้ทรงศีล ท่องบ่นเสกเป่าด้วยลมจากโอษฐ์ของผู้สาธยายบทแห่งคาถาเป็นหมื่นครั้ง ย่อมจะมีพลังแห่งการขยายผลโดยรวมธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ โดยมีอิทธิฤทธิ์ของผู้เสกและมีศรัทธาของผู้ถูกเป่า หรือรดราดด้วยน้ำก็ดี หยิบยื่นให้ด้วยดิน หรือไม้ก็ดี ย่อมมีอานุภาพคุ้มครองป้องกันรักษาด้วยผลแห่งศรัทธา คือความเชื่ออย่างสูงนั้น
ในบทแห่ง เทวะตาอุยโยชะนะคาถา จึงมุ่งสู่การสาธยายสำหรับป้องกันภัยอันตราย หากผู้สวดคาถามีกำลัง คือศรัทธาสูง ย่อมทำให้เครื่องมือคือ คาถา มีประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันอุปัทวันตรายได้ดี เปรียบดังทหารที่มีกำลังแข็งแรง มีอาวุธที่ดี ย่อมสามารถป้องกันบ้านเมืองและตนเองได้ ในคาถานี้ใช้กำลังของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย ซึ่งในทางพระพุทธศาสนาถือว่าเป็นกำลังอันดีเลิศ ช่วยคุ้มครองรักษา ช่วยกำลังใจในยามคับขันได้ คือไม่ทำให้ใจเสีย ช่วยรักษากำลังใจไว้ให้ในยามที่ต้องการกำลังใจ สำหรับเผชิญความฉุกเฉิน หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ
การนำหมู่แห่งคาถาที่เรียงร้อยเป็นผูกเป็นมัดจัดไว้ในคัมภีร์ใบลาน จารด้วยมือของผู้ทรงศีล ท่องบ่นเสกเป่าด้วยลมจากโอษฐ์ของผู้สาธยายบทแห่งคาถาเป็นหมื่นครั้ง ย่อมจะมีพลังแห่งการขยายผลโดยรวมธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ โดยมีอิทธิฤทธิ์ของผู้เสกและมีศรัทธาของผู้ถูกเป่า หรือรดราดด้วยน้ำก็ดี หยิบยื่นให้ด้วยดิน หรือไม้ก็ดี ย่อมมีอานุภาพคุ้มครองป้องกันรักษาด้วยผลแห่งศรัทธา คือความเชื่ออย่างสูงนั้น
ในบทแห่ง เทวะตาอุยโยชะนะคาถา จึงมุ่งสู่การสาธยายสำหรับป้องกันภัยอันตราย หากผู้สวดคาถามีกำลัง คือศรัทธาสูง ย่อมทำให้เครื่องมือคือ คาถา มีประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันอุปัทวันตรายได้ดี เปรียบดังทหารที่มีกำลังแข็งแรง มีอาวุธที่ดี ย่อมสามารถป้องกันบ้านเมืองและตนเองได้ ในคาถานี้ใช้กำลังของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย ซึ่งในทางพระพุทธศาสนาถือว่าเป็นกำลังอันดีเลิศ ช่วยคุ้มครองรักษา ช่วยกำลังใจในยามคับขันได้ คือไม่ทำให้ใจเสีย ช่วยรักษากำลังใจไว้ให้ในยามที่ต้องการกำลังใจ สำหรับเผชิญความฉุกเฉิน หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ
แนวทางปฏิบัติ
คาถานี้ใช้สวดแผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์ และอัญเชิญเทวดาให้ อนุโมทนาและกลับไปสู่นิเวศน์ของตน ช่วยรักษาคุ้มครองให้อยู่เป็นสุข และขออานุภาพของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์คุ้มครองด้วย ใช้สวดในตอนท้ายของการสวดมนต์ในตอนเช้าและตอนเย็น
อานิสงส์
๑. ย่อมได้รับความสงบสุข เปิดมิตร ปิดศัตรู ทั้งกับมนุษย์ และอมนุษย์ทั้งหลาย
๒. ย่อมจะทำกิจการงานใดก็เป็นไปด้วยความราบรื่น มีเทวดาผู้ใจบุญร่วมอนุโมทนา
๓. ย่อมมีความมั่นใจในการทำความดี มีกำลังใจดี ไม่ท้อถอย
๒. ย่อมจะทำกิจการงานใดก็เป็นไปด้วยความราบรื่น มีเทวดาผู้ใจบุญร่วมอนุโมทนา
๓. ย่อมมีความมั่นใจในการทำความดี มีกำลังใจดี ไม่ท้อถอย
ข้อควรรู้
๑. ในการกระทำกิจอันเป็นกุศลใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นในที่ลับหรือในที่แจ้ง จงมั่นใจว่ามีเทวดาคอยอนุโมทนา
๒. การบูชาเทวดาที่เรียกว่า เทวตาพลี นั้น เพื่อให้เหล่าเทวดาทั้งหลายได้อนุโมทนารับทราบ และคอยช่วยเหลือในโอกาสต่าง ๆ
๒. การบูชาเทวดาที่เรียกว่า เทวตาพลี นั้น เพื่อให้เหล่าเทวดาทั้งหลายได้อนุโมทนารับทราบ และคอยช่วยเหลือในโอกาสต่าง ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น