วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

วันเทโวโรหณะ

" วันเทโวโรหณะ "
วันพระพุทธเจ้าเปิดโลก ที่ ประตูเมือง สังกัสสะนคร
ในพรรษาที่ 7 นับแต่ปีที่ตรัสรู้
พระพุทธองค์จึงได้เสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เทศนาพระอภิธรรมปิฎกโปรดพระพุทธมารดาอยู่หนึ่งพรรษา(๓เดือน)
ครั้นถึงวันปวารณาออกพรรษา วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑
พระพุทธองค์จึงเสด็จลงสู่โลกมนุษย์ทางบันไดทิพย์ ทั้ง ๓ ได้แก่
บันไดเงิน และ บันไดทอง และ บันไดแก้ว ซึ่งสักกเทวราช (พระอินทร์) ให้พระวิษณุกรรมเนรมิตทอดจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์สู่โลกมนุษย์ ที่ประตูเมืองสังกัสนคร
ที่นั้นบรรดาพุทธศาสนิกชนต่างมารอรับตักบาตรภัตตาหารกันอย่างเนืองแน่นชาวพุทธจึงยึด­ถือปรากฎการณ์ในวัน แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงสู่โลกมนุษย์ เรียก
" วันเทโวโรหณะ " และ วันพระพุทธเจ้าเปิดโลก เพราะวันนั้นโลกทั้ง ๓ คือ สวรรค์ มนุษย์ และ นรก ต่างสามารถแลเห็นกันได้ตลอดทั้ง ๓ โลก
วันเทโวโรหนะ หมายถึง วันทำบุญตักบาตรในเทศกาลวันออกพรรษา มีประวัติเล่าว่า...
ในสมัยพุทธกาลเมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้วได้เสด็จไปประกาศ พระศาสนาในแคว้นต่าง ๆ ทั่วชมพูทวีป ตลอดจนไปทรงเทศนาโปรดพระพุทธบิดาและพระประยูรญาติทั้งหลายให้บรรลุมรรคผลตามสมควรแก่อุปนิสัยของแต่ละคน
แล้วพระองค์ได้ทรงรำลึกถึงพระนางสิริมหามายา ซึ่งได้สิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่พระองค์ประสูติได้ ๗ วัน ทรงดำริที่จะสนองคุณพระพุทธมารดา
ดังนั้น จึงได้เสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เทศนาพระอภิธรรมปิฏกโปรดพระพุทธ
มารดาอยู่หนึ่งพรรษา ครั้นวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ หรือหลังวันออกพรรษา ๑ วัน พระองค์เจ้าจึงได้เสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มาประทับที่เมืองสังกัสสะ ประชาชนต่างพากันไปเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อทำบุญตักบาตรกันอย่างเนื่องแน่น
ด้วยเหตุนี้ พุทธศาสนิกชนจึงถือเอาวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ เป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จจากเทวโลกมาสู่เมืองมนุษย์ เพื่อโปรดสัตว์ ชาวบ้านทั่วไปเรียกวันนี้ว่า " วันพระพุทธเจ้าเปิดโลก " หมายถึงเป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงเปิดโอกาสให้โลกทั้ง ๓ สามารถมองเห็นซึ่งกันและกันได้ ประกอบด้วย สวรรคโลก มนุษยโลก และนรกโลก เป็นวันแห่งอิสระ เสรีภาพของเหล่านางฟ้า เทพบุตร เทพธิดาในแดนสวรรค์ ตลอดจนเหล่าภูต ผี ปีศาจ เปรต และอสุรกายทุกรูปทุกนามในแดนนรกภูมิ สามารถจะไปไหนมาไหนก็ได้
เมื่อเหล่านางฟ้า เทพบุตร เทพธิดา ทั้งหลายได้ทราบข่าวอันเป็นมงคลยิ่งนี้ จึงได้รวมตัวกันประกอบพิธี " กวนข้าวมธุปายาส " เป็นข้าวที่กวนผสมกับน้ำผึ้ง เรียกว่า ข้าวทิพย์ พิธีกวนข้าวทิพย์นี้จะต้องกระทำในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ เพื่อแจกจ่ายให้แก่เหล่านางฟ้า เทพบุตร เทพธิดา ได้นำไปใส่บาตรถวายสมเด็จพระสัมมาสัพพุทธเจ้า
ขณะที่พระองค์กำลังเสด็จพระราชดำเนินลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ตรงกับวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ เรียกวันสำคัญในวันออกพรรษาวันแรกนี้ว่า " วันตักบาตรเทโวโรหณะ " ชาวบ้านเรียกวันนี้ว่า " วันตักบาตรเทโว "
พุทธศาสนิกชนต่างถือปฏิบัติด้วยการทำบุญตักบาตรถวายภัตตาหาร ดอกบัว ข้าวต้มโยน ข้าวสาร อาหารแห้ง เป็นการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่บิดา มารดา ญาติมิตรที่ล่วงลับไปแล้ว ตลอดจนอุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวร เพื่อให้ตนได้รับส่วนบุญกุศลอันจะก่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว และทำสืบต่อมาเป็นประเพณีจนทุกวันนี้ และเรียกว่า
" ตักบาตรเทโว "
ต่อมา เมื่อพระพุทธศาสนาได้เผยแผ่มายังประเทศไทยพุทธศาสนิกชนได้อัญเชิญพระพุทธรูป ๑ องค์นำหน้าแถวพระสงฆ์ ส่วนประชาชนผู้มาใส่บาตรจะยืนหรือนั่ง ๒ แถว หันหน้าเข้าหากัน
โดยเว้นระหว่างกลางไว้ให้พระสงฆ์เดิน สาหรับของที่นำมาใส่บาตรอาจแตกต่างกันบ้าง บางแห่งนิยมทำข้าวต้มลูกโยน ซึ่งทำจากข้าวเหนียว ห่อด้วยใบมะพร้าว ไว้หางยาว เพื่อสะดวกในการโยนใส่บาตร
การตักบาตรเทโวนี้ บางวัดทำในวันออกพรรษา คือวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ บางวัดก็ทำในวันรุ่งขึ้น คือวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑
ทั้งนี้ แล้วแต่ความตกลงร่วมใจทั้งทางวัดและทางบ้าน พิธีที่ทำนั้นทางวัดอัญเชิญพระพุทธรูปประดิษฐานในบุษบก ซึ่งตั้ง อยู่บนล้อเลื่อนหรือคานหาม มีบาตรขนาดใหญ่ใบหนึ่งตั้งไว้หน้าพระพุทธรูป มีคน ลากล้อเลื่อนไปช้า ๆ นำหน้าพระสงฆ์ สามเณร
ซึ่งถือบาตรเดินเรียงไปตามลำดับ พุทธศาสนิกชนต่างก็นำข้าว อาหารหวานคาว มาเรียงรายกันอยู่เป็นแถวตามแนวทางที่รถบุษบกเคลื่อนผ่าน คอยตักบาตร อาหารที่นิยมตักในวันนั้น นอกจากข้าวและอาหารคาวหวาน ธรรมดาแล้วก็จะมีข้าวต้มลูกโยนด้วย
ซึ่งบางท่านสันนิษฐานว่าในครั้งนั้นผู้คนรอใส่บาตรกันแออัดมาก เข้าไม่ถึงพระ จึงใช้ข้าวก่อ หรือปั้นโยนลงบาตร ประเพณีการตักบาตรเทโวนี้ เนื่องมาจากการเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา
เมื่อมีเหตุการณ์อะไรปรากฏในตำนาน ก็จะปรารภเหตุนั้นๆ เพื่อบำเพ็ญบุญกุศลเช่นการถวายทาน รักษาศีล ฟังธรรมเทศนา ทำทาน เป็นต้น ตักบาตรเทโวจึงเป็นการทำบุญอย่างมโหฬารของพุทธศาสนิกชน นับแต่นั้นมา..
๖ กันยายน ๒๕๕๙
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่ข้อมูลธรรมะนี้ ทุกๆ ท่านครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น