เหตุที่พญานาคปรากฏตัวบ่อยในยุคนี้
สาเหตุที่พญานาคมาปรากฏตัวในหลายจังหวัดหลายพื้นที่ในยุคนี้หลวงพ่ออธิบาย ให้ผู้เขียนฟังว่า พญานาคเป็นสัตว์อาศัยอยู่ใต้บาดาลใต้แม่น้ำ เมื่อพญานาคลอยตัวขึ้นมาเหนือน้ำในยุคสมัยใด แสดงว่าจะเกิดอาเพทเกิดเรื่องไม่ดี แสดงให้เห็นว่าบ้านเมืองและโลกเรานี้กำลังเกิดกลียุค เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองหลวงจะเกิดการปั่นป่วนวุ่นวาย นี่ธรรมชาติแสดงให้เรารู้เหมือนที่โบราณว่าเราเดินไปเจองู หรืองูสิงห์เข้าบ้านงูเห่าเข้าบ้านเป็นอุบาทว์อุบาทว์เป็นภาษาโบราณเป็นลางบอกเหตุ เมื่อปีสองปีที่ผ่านมาบ้านเมืองเกิดความวุ่นวายที่กรุงเทพตอนนั้นปรากฏว่ามีพญานาคเกิดขึ้นที่มุกดาหารผู้เขียนเกิดความสงสัยขึ้นมาได้ กราบเรียนถามหลวงพ่อว่าแล้วที่คนพากันไปดูบั้งไฟพญานาคหรือไปดูพญานาคที่โผล่ขึ้นมาจากน้ำเป็น อัปมงคลไหม เพราะตามความคิดของเราที่เป็นคนสมัยใหม่คิดว่าเป็นสิริมงคล ที่พญานาคซึ่งเป็นสัตว์ที่เราถือว่าเป็นสัตว์มงคลโผล่ขึ้นมาให้พวกเราได้ชม บารมีกันหลวงพ่อบอกว่าคนที่ไปดูก็เป็นอัปมงคล อย่างเช่นเราเป็นมนุษย์ธรรมดาเกิดไปเห็นวิญญาณคนที่ตายไปแล้วก็อุบาทว์ ทำให้เราแพ้ทำให้เราไม่สบาย ไม่ใช่เรื่องดี อยู่ดีๆ คนธรรมดินไปเจอวิญญาณคนที่ตายไปแล้วเดินไปเดินมาไม่กี่วันเราก็ต้องเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นโน่นเป็นนี่โดยไม่มีสาเหตุบางคนถึงตายไปก็มี สิ่งเหล่านี้เป็นอุบาทว์เป็นอัปมงคลแต่พญานาคก็นับถือพุทธศาสนาศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเมืองบาดาลเป็นสวรรค์ชั้นล่างผู้ที่เกิดเป็นพญานาคก็ไถ่กรรมมาเรื่อยๆการเกิดเป็นพญานาคก็ใกล้จะได้เกิดเป็นมนุษย์แล้วคือพร้อมที่จะเกิดเป็นมนุษย์ได้พญานาคถ้าเขาลงไปในน้ำเขาจะเป็นงูพอเขาขึ้นมาบนบกเขาก็กลายเป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนพวกเรานี่แหละแต่ถ้าพญานาคไปปรากฏตัวที่ไหนไปเหยียบพื้นดินให้เป็นรอยถ้าเราเห็นรอยใหญ่ขนาดเท่าศอก เราต้องสังเกตุว่าเป็นรอยมนุษย์หรือรอยสัตว์อะไร เราต้องดูต้องสังเกต ถ้าเห็นรอยใหญ่ยาว ฝ่าเท้าใหญ่แหลมมี ๔ นิ้ว ไม่ใช่ ๕ นิ้ว พญานาคมี ๔ นิ้ว อีกนิ้วหนึ่งจะอยู่สูงขึ้นไปเหมือนเดือยไก่ มังกร ๕ เล็บ เวลาเขาเหยียบลงไปที่พื้นดินจะปรากฏเพียง ๔ นิ้ว อีกนิ้วหนึ่งอยู่ข้างบนนั่นคือสัตว์เดรัจฉาน เป็นรอยของพญานาครอยของมังกร เกล็ดพญานาคศรีสุทโธหลวงพ่อเก็บไว้บนศาลาฯ คราบพญานาคศรีสุทโธที่หลวงพ่อได้มาเป็นคราบสะดือตอนเด็กของพญานาคศรีสุ ทโธ พญานาคเขาจะมีการเสี่ยงทายกันตอนอายุได้หนึ่งเดือนว่าลูกใครจะได้พญาเป็น กษัตริย์ของพญานาคถ้าพญานาคตนนั้นไม่กินคราบสะดือของตนเองพญานาคตนนั้นจะได้เป็นพญาได้เป็น กษัตริย์พญาศรีสุทโธไม่กินคราบสะดือของตัวเองจึงได้เป็นพญา พญานาคจะเก็บคราบสะดือไว้ หลวงพ่อได้มาเพราะพญาศรีสุทโธนาคราชนำมาถวายเป็นพุทธบูชา ลูกแก้วพญานาคก็เหมือนกันพญานาคศรีสุทโธก็น้ำมาถวายเป็นเครื่องสักการบูชา แด่พระพุทธองค์ โดยพญาศรีสุทโธนาคราชได้ปรารภไว้ว่าเมื่อพระพุทธองค์ปรากฏขึ้นที่ใดข้าพระพุทธเจ้าจะไปปรากฏที่นั่นเป็นนาม พระพุทธองค์ก็ประทานให้เมื่อพระพุทธองค์มาปรากฏที่วัดภูพลานสูงท่านจึงได้นำ ลูกแก้วพญานาคมาถวายเป็นพุทธบูชา เมื่อข้อพระหัตถ์เบื้องขวา พระสรีรังคารมาปรากฏขึ้น พญานาคก็มาปรากฏโดยนำของมาถวายเป็นนามของพญานาคที่ปรากฏ ลูกแก้วเหล่านี้ไม่ใช่เอามาแจกกันเล่นๆ เมื่อหลวงพ่อได้มาหลวงพ่อก็มีของแลกเปลี่ยนกับเขา หลวงพ่อให้เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อ รูปหลวงปู่โมคคัลลานะกับผ้าขาว ๑ ผืนเอาไปแลกเปลี่ยนเพื่อไม่ห้เกิดเป็นอัปมงคล เขาให้เราเราไม่ให้เขาก็ได้แต่หลวงพ่อก็ให้เขา เขาก็นำไปไว้ที่เมืองบาดาล พญานาคที่เมืองบาดาลต่างก็มากราบสักการบูชาของของมนุษย์ มันก็เกิดเป็นมงคลต้องแลกเปลี่ยนกัน ไม่ใช่ขอๆ เอาไปโดยไม่มีอะไรแลกเปลี่ยนไม่ได้ มันเกิดเป็นอัปมงคลเกิดความวิบัติเราต้องรู้และเข้าใจในการแก้ปัญหาเรื่องแก้วพญานาคในยุคนี้พญานาคเรืองอำนาจเมื่อพญานาคมาเกิดแก้วพญานาคก็มาเกิด เหมือนพระบรมสารีริกธาตุเสด็จก็เป็นพระบรมสารีริกธาตุจะเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นี่คือพระบรมสารีริกธาตุจะเป็นของปลอมได้อย่างไร ก็เรียกว่าพระบรมสารีริกธาตุแล้วว่าจะเป็นของปลอมได้อย่างไร เมื่อได้มาแล้วเอาไปบูชาเอาไปสวดมนต์ถวาย พระพุทธองค์ก็ประทานให้ สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับการเคารพการเชิดชูบูชาไม่ใช่ว่าเราเอาไปทำสุรุ่ย สุร่ายทำเป็นเครื่องรางของขลังไม่ใช่อย่างนั้นเราต้องทำถวายเป็นพุทธบูชา นำมาเชิดชูบูชาสวดมนต์ถวายปฏิบัติถวาย บารมีพระพุทธองค์ก็จะมาปกปักษ์รักษาเรา เราสวดมนต์เท่ากับเรารักษคำสอนของพระพุทธองค์ เมื่อเราสวดมนต์เราก็จะมีความสุขเป็นบุญ นั่นคือพระพุทธองค์ทรงดูแลรักษาเราที่เราช่วยกันสืบต่ออายุพระศาสนาด้วยการประพฤติปฏิบัติธรรมตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ การที่เราจะเห็นพญานาคหรือวิญญาณเราต้องเห็นด้วยญาณด้วยจิตไม่ใช่คิดว่าเขามาขอส่วนบุญ ที่เราเห็นมันเป็นเคราะห์เป็นโชคร้ายของเราอยู่ดีๆ ไปเจอพญานาคก็เป็นเคราะห์ของคนนั้น คนไม่เคยเห็นก็คิดว่าเป็นบุญของตัวที่ได้เห็น คิดดูดีๆ สิ่งที่มันเคยอยู่ใต้น้ำใต้บาดาลแล้วอยู่ๆ มันลอยตัวขึ้นมาเหนือน้ำได้อย่างไร มาปรากฏตนให้คนเห็นด้วยตาเปล่า สิ่งเหล่านี้เกิดจากธรรมชาติบอกเหตุจึงเป็นอุบาทว์ ถ้าเราเห็นมันก็เป็นอุบาทว์ ทางภาคอีสานเขาต้องนิมนต์พระมาเจริญพระพุทธมนต์ทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศล เพื่อลบล้างสิ่งที่เป็นอัปมงคล เมื่อเราไปดูแล้วกลับมาเราก็ต้องทำบุญอุทิศส่วนกุศล เหมือนเราอยู่บ้านวันดีคืนดีมีงูเข้ามานอนอยู่ในบ้าน เราก็ต้องไปนิมนต์พระมาเจริญพระพุทธมนต์เพื่อให้เป็นมงคลอย่าคิดว่าเป็นสิ่งดีเป็นสิริมงคล มันเป็นอุบาทว์เป็นเคราะห์ไม่ดีเป็นลางบอกเหตุ ชาวบ้านทั่วไปเอาไม้หยุงมาทำบ้านไม่ใช่เรื่องดีคนไหนเอาไม้พยุงมาทำบ้าน ทำโต๊ะ ทำเสา ชื่อมันดีพยุงเป็นมงคล แต่มันไม่เป็นมงคลมันแพ้กัน ไม้สักยังแรงไม่เท่าไม้พยุง คนที่ตัดไม้พยุงไปขายก็โดนจับเหมือนกัน คนที่เอาไม้พยุงมาทำบ้าน พ่อก็ตาย แม่ก็ตาย อยู่ไม่ได้ต้องทิ้งเป็นบ้านร้างสุดท้ายก็ต้องรื้อมาถวายวัด พระก็โดนเหมือนกันแพ้หมดพระที่วัดหลวงพ่อเอาไม้หยุงที่เขาตัดทิ้งมาทำเสา กุฏิ ป่วยหัวปักหัวปำ หลวงพ่อเอ๊ะใจเห็นพระองค์นี้ป่วย ตัวดำผอม ก็เดินไปดูที่กุฏิ ถามพระว่านี่ไม้อะไร พระบอกว่าไม้พยุงเห็นมันกองทิ้งอยู่แถวนี้เลยเก็บเอามาทำเสากุฏิ หลวงพ่อเลยให้รื้อออก พอเอาออกก็หายจากไม่สบายก็แข็งแรงขึ้นฉะนั้นเวลาเราปลูกบ้านบางครั้งรากไม้ ประดู่บ้างรากขามบ้างรากไม้พยุง มันสอดเข้ามาอยู่ใต้ถุนบ้านอยู่ไม่ได้ เจ็บไข้ได้ป่วยกันตลอดหาสาเหตุไม่พบถ้าเล็กๆ ไม่เป็นไร แต่ถ้านำมาเป็นสิ่งของใหญ่ๆ ไม่ดีอันตราย ครั้งหนึ่งหลวงพ่อให้พระองค์หนึ่งไปดูแลหลวงพ่อพระโตโคตะมะ พระองค์นั้นไปปลูกกุฏิอยู่ที่หลังหลวงพ่อพระโตโคตะมะ ท่านบอกว่าเวลาญาติโยมไปหามันสะดวก หลวงพ่อทักว่ามันไม่ดี อยู่ใกล้ของใหญ่มันไม่ดี อยู่ได้พรรษาเดียวก็ไม่สบายล้มลุกคลุกคลาน เดินถอยหน้าถอยหลัง ไปหาหมอก็ไม่พบสาเหตุ หลวงพ่อเลยบอกให้ท่านย้ายกุฏิ ไปให้ห่างจากหลวงพ่อพระโตโคตะมะ ท่านก็ย้ายออกไปได้ ๓ วันก็หายเป็นปกติ ของใหญ่ๆมาอยู่ใกล้ๆ เวลาแดดออกเงาพระใหญ่ก็มาพาดกุฏิไปทับแค่เงาเท่านั้นก็ยังแพ้ อันนี้ก็เหมือนกันที่หนองดง ที่วัดพระนางคำล่มสลาย มีแม่ชีแม่ขาวจะไปอยู่ก็อยู่ไม่ได้หลวงพ่อบอกว่าอย่าไปอยู่เลยตรงนั้นไม่ดีเป็นดินแดนที่ถูกสาป เขาก็จะไปเอาหมอเอาพระมาสวดเพื่อเอาแก้วพญานาค เอาสมบัติต่างๆ ขึ้นมา มันก็ดีอยู่ แต่สิ่งของเหล่านี้มันถูกสาปอยู่ เราเอาไปไว้มันก็ถูกสาปมันจะเป็นมงคลได้อย่างไร พวกชาวบ้านเอาเรื่องที่หลวงพ่อบอกไปเล่าให้เพื่อนๆ ฟังเขาก็ว่ามันเป็นอดีตไปแล้ว เคยไปอยู่ตั้ง๓-๔ เดือน ไม่เห็นเป็นอะไร หลวงพ่อเพียงแต่เล่าให้เขาฟังว่ามันมีอะไรอยู่ ความเป็นมาเป็นไปอย่างนั้นไม่ได้ห้ามหลวงพ่อหวังดี เพื่อนๆ เขาโกรธไม่พอใจหลวงพ่ออย่างรุนแรงที่ไปพูดจาอย่างนั้น แต่หลวงพ่อหวังดีหลวงพ่อก็ให้เขาไปอยู่ เกิดเรื่องขึ้นมาเขาจะได้เชื่อ คนเราไม่รู้ก็ไม่เชื่อ แต่เวลาเกิดเหตุขึ้นมาถึงยอมเชื่อ มันก็สายเกินแก้ โบราณเราเขาละเอียดลออ เป็นคติสอนใจเป็นคำเตือน ปัจจุบันเหตุการณ์ต่างๆ สภาพแวดล้อมมันทันสมัยเวลาประสบเคราะห์กรรมขึ้นมาแล้ว ตอนทำไม่กลัว ตอนประสบเคราะห์กรรมรื้อบ้านทั้งหลังนั่นแหละตำนานมันเป็นอย่างนี้ บางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นให้เราเห็นมันไม่ดี เช่น พญานาคอยู่ใต้บาดาลอยู่ๆ ลอยขึ้นมาเหนือแม่น้ำใหญ่ ลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ นั่นแสดงว่าเป็นลางบอกเหตุ แสดงว่าเมืองหลวงนั่นจะเกิดภัยพิบัติ เกิดความวุ่นวายระส่ำระสาย ธรรมชาติแสดงให้พวกเราชาวโลกได้รับรู้ แต่คนเรากลับคิดว่าเป็นโชคเป็นมงคลสำหรับพวกเราที่เกิดมาได้พบเห็นพญานาค เขาก็ได้เห็นจริงเห็นความวุ่นวายเกิดขึ้น แม้แต่พระจันทร์ทรงกลดพระอาทิตย์ทรงกลดเหล่านี้มีผลกระทบต่อชาวโลกเหมือนกันสุริยคราสจันทราคราสก็มีผลกระทบต่อชาวโลกเหมือนกันจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็มี อยู่ในตำนาน นักวิทยาศาสตร์ไม่เชื่อ เขาศึกษาตามทฤษฏีตามเหตุตามผล สิ่งเหล่านี้ถือเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งทางโหราศาสตร์ ถ้าเราจะพิสูจน์อะไรเราก็ตามต้องไปศึกษาเรื่องเหล่านั้น จะเอาวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ไสยศาสตร์มันคนละศาสตร์กันกลายเป็นเรื่องปัญหาโลกแตก เราสงสัยศาสตร์ไหนก็ต้องไปศึกษาศาสตร์นั้น เราสงสัยพุทธศาสตร์เราก็ต้องมาศึกษาพุทธศาสตร์ ไม่ใช่เอาวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์พุทธศาสตร์หรือไสยศาสตร์ มันพิสูจน์ไม่ได้มันคนละศาสตร์กัน จะเอาวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์พระบรมสารีริกธาตุมันจะพิสูจน์ตรงไหนได้ ถ้าเราอยากรู้อยากเข้าใจเราต้องมาศึกษาข้อมูลต่างๆ ในเรื่องเหล่านี้ เมื่อเรายอมรับได้เราก็เกิดศรัทธา เกิดความเชื่อมั่นว่าสิ่งเหล่านี้มีจริงมันเป็นเรื่องอจินไตยก็จริงแต่เมื่อเราศึกษาเข้าใจแล้วเกิดศรัทธาว่าเป็นเรื่องจริงมีอยู่จริง เหมือนเหล็กไหลเราก็ต้องศึกษามันเป็นศาสตร์ ศาสตร์แต่ละศาสตร์ไม่ใช่ว่าเราศึกษาศาสตร์เดียวแล้วจะรู้รอบ เราจะต้องศึกษาและยอมรับศาสตร์แต่ละศาสตร์ คำว่าไสยศาสตร์คือสิ่งเร้นลับไสยศาสตร์เกิดมาตั้งแต่ปรโลกแล้วไม่ใช่เพิ่งมา เกิดวันสองวันนี้ ยุคสมัยนี้จิตใจมนุษย์มันเสื่อม ของเดิมมันมีอยู่แล้วเราพัฒนาไม่ทัน สิ่งที่ไม่มีตัวตนสิ่งที่มองไม่เห็น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น เหรียญนี้ขลัง เรามองเห็นหรือขลังเพราะอะไร พระสมเด็จที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นเพราะอะไร นั่นแหละสิ่งที่เรามองไม่เห็นไม่รู้มันก็เป็นไสยศาสตร์ สิ่งที่มองไม่เห็นตัวเป็นไสยศาสตร์แม้แต่เขาเสกของเข้าท้องเรา เราไปเอ็กซ์เรย์ดูก็ยังไม่เห็น เรื่องไสยศาสตร์วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถเข้าถึงได้ตรงนั้น เราพัฒนายังไม่ใกล้เคียงกับเขาเลย ไสยศาสตร์มีมาตั้งกี่พันล้านปี เราจะไปพัฒนาทันได้อย่างไร ไปไม่ถึงหรอก มนุษย์เราทุกวันนี้ศึกษาสิ่งแวดล้อมได้แค่หยิบมือเดียว มนุษย์เราศึกษาอวัยวะมือเราแค่มือเดียวก็เขียนเป็นตำราเป็นหนังสือได้เป็น กอบกำ ยังเอาความรู้นั้นมาขายเป็นสิบยี่สิบล้าน มันไม่ใช่เรื่องธรรมดา เราต้องศึกษาค้นคว้าทำความเข้าใจในเรื่องต่างๆให้ชัดเจนเข้าถึงเรื่องนั้นๆ ให้ถ่องแท้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น